Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผญาเศร้าเหงาหวาน 3 (โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล)



โอยน้อ สะนูดังฟังเสียงอ้อน จากนาดอนตอนใกล้ค่ำ
ลมหนาวนำหล่ะพัดเยิ้น ดั่งเสียงเอิ้นเอ่ยคำ
.........................................................................
โอน้อ เสียงสูงนำเสียงต่ำบ้าง จากดอนท่งคงยินไกล
ฝากเสียงใสในลมหนาว เถิงสาวนาง..ตาหวานเจ้า
หนุ่มคนเหงาเอาเสียงอ้าง ผ่านสะนูอยู่ดอนท่ง
เจ้ายังคงสิจื่อได้ ยามไกลบ้านหวนผ่านบ้อ

โอยน้อ สะเดาขมลมหนาวจ้อ เสียงกอไผ่ยังไหวดัง
ปลาคืนวังเถิงฝั่งหนอง กบจองไงได้หาซ้น
คึดฮอดเด้..คึดฮอดคนเคยเว้า เจ้าบ่มาสัญญาหม่าย แท้แหล๊ว
คงลืมชายหล่ะหน่ายสิ้น ดั่งลมปิ้น..อ่วยทาง แท้น้อหล่า

บทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
ขอบคุณภาพสวยๆครับ







โอน้อ ฮู้เต็มอกที่ฮกฮ้าง บ่อาจหย่างเคียงหมาย
ผลาชายบ่เทียมเถิง ได้นั่งเวิงเวียงแก้ว
เจ้าโสภาว่าเกินแล้ว สิหาแนวเทียบถ่อ
ชายผิวดำต่ำม่อต้อ ผลาหย่อบ่ถ่อเทียม แท้แหล๊ว

โอยเด้ เจียมเอ๊ยเจียมใจอ้าย ผู้กายก่ำส่ำเพียงกา
บ่าวชาวนาบ้านป่าดอน นอนเถียงนากะว่าโก้ หล่ะ
แต่ว่าโตนางน้อง เฮือนสักทองบักหลังโอ่
ซายโลโซคือโตอ้าย บ่หมายซ้ำสิหล่ำแยง แท้แหล๊วหล่า

ขอบคุณภาพจากอ้ายซาย ปิ่นลม พรหมจรรย์ครับ

บทผญา @อีเกียแดง แห่งรัตติกาล












โอน้อ อัสดงลงเทียบ เลียบป่าพณาสนฑ์
วิหควนคืนกลับ จับตามคอนบ้างนอนซ้น
สาละวนปนเสียงฮ้อง เมื่อเเสงทองสิล่องลับ
พ่องสลับขับเสียงฮ้อง จากผืนท้องหล่ะท่งนา

คำเอ๊ย หยาดน้ำตาคนค่าด้อย หลอยยืนเหม่อ..เอ่อความตรม
ฟังสายลมโหมพัด สะบัดไหวในไพรก้วง
ลมหนาวทวงดั่งหน่วงน้าว อ้ายหนาวในจนใจหวั่น แท้แหล๊ว
คิดเถิงวันที่ผันย้าย จนกายช้ำย้อนฮ่ำฮอน

สาวเอ๊ย บ่หวนคอนหล่ะดอนบ้าน อีสานท่งคงบ่กลับ แล้วน้อ
เจ้าซ่างไปน้อไกลลับ บ่หวนกลับลับลาเลื่อน
หรือเจ้าเลือน..เหมือนลืมแล้ว วิถีแนวบ่หวนก่อ
อ้ายยืนรออยู่พ้อว่อ ตั้งท่ารออยู่พี้วี้ คนก่อนกี้กะบ่มา แท้น้อหล่า

.......................................................

บนถนนของคนรอ กี่พอศอยังต่อตั้ง หวังนางเจ้านั้นเหล่าคืน
แหม่นสิยืนอยู่ค่อม่อ แหม่นสิรออยู่แพ้แว้ หน้าคือแย้กะสิรอ ซั้นแหล๊ว บึ๊ยยย...


บทผญา@ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
ขอบคุณภาพงามๆครับผม








คำเอ๊ย คืนนี่จันทร์ใสแจ้ง ดั่งแยงส่องประคองดาว
คนใจหนาวได้ทาวเถิง หวังเผิ่งพิงว่าอิงเจ้า
ขยับมาว่าจาเว้า เอาคำจริงมาอิงก่อ.เบิ่งน๊า
อย่าหน้างอเฮ็ดคอง้ำ ให้นำเว้าหล่ะเบิ่งคำ

สาวเอ๊ย มีไป่น้อคนหล่อล่ำ ได้นำย่าง..บัดนางจร
มีคนจองแล้วไป่นาง ให้ขานไขได้พอฮู้
หรือบ่าวครูผู้หวานลิ้น ถวิลนำดังคำส่า
คำเอ๊ย บ่าวชาวนาผลาน้อย สิพลอยได้หล่ะคู่เฮียง บ่น้อ

ฝากสำเนียงหล่ะเสียงอ้อน ผญาป่อนหย่อนลงใจ
แสงไสวได้ส่องนำ ดั่งคำจาที่พาเอื้อน
เถิงดาวเดือนสิเลือนคล้อย เถิงดาวลอยสิเลื่อนลับ
ตะเกียงดับลับแสงแล้ว ใจยังแน่วหล่ะต่อนาง อยู่เด๋หล่า

คำกลอนอีสานพรั่งพรูออกมาจากปากชายหนุ่มเป็นการสนทนาวาทีกับสาวบ้านนาในยามค่ำคืน ผมนั่งหลับตาจนเกิดเป็นภาพจินตนาการ เออเนาะ! สมัยก่อนคงจะเป็นไปในลักษณะนี้ แม้ว่าผมจะเกิดไม่ทันในยุคนั้นก็ตามทีแต่ก็พยามยามซึมซับเรียนรู้เพื่อต่อยอด วิถีชีวิตของคนอีสานแต่ก่อนอยู่ในกรอบที่สวยงาม การทำอะไรส่วนมากสื่อถึงสิ่งที่ถูกต้อง เข้าตามตรอกออกตามประตู มิใช่เข้าตามตรอกหลอยออกทางหน้าต่างเสย

ทุกอย่างล้วนเกื้อกูล เป็นดั่งโซ่ที่คล้องเกี่ยวสานเกลียวสัมพันธ์ ช่วยเหลือเผื่อแผ่ ทุกวันนี้ดูเปลี่ยนไปเยอะแม้หลายๆท่านจะแย้งว่าเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เมื่อหวนมองก็ใจหาย โห..บางอย่างก็หายไปจนกู่ร้องมิยอมหันมองเสียงบอกด้วย มิหนำซ้ำยังหาว่าเราโง่เป็นเต่าล้านปี (ผมไม่ได้เป็นเต่าล้านปีครับ ผมแค่เป็นอีเกีย แห่ะๆ) บางคนวิ่งตามกระแสจนกลายเป็นการขายธาตุแท้จิตวิญญาณของตัวเองติดหนี้สินล้มละลาย นั่นเพราะหลงอุบายจนติดอบาย

ฟังคำตอบจากหญิงสาวสักหน่อยเนาะ..

อ้ายเอ๊ย วาจาหวานที่ผ่านลิ้น ล่อดินเปลี่ยนหล่ะทางสี แท้น้อ
วจีคำหากนำหวน ซวนเซือใจได้บ้ออ้าย
หรือสิหมายให้ตายดิ้น ถวิลนำคำหวานห่อ
หรือเพียงหวานที่ผ่านล่อ มายอเว้าให้เหล่านำ แท้เด้

ผมพยายามใช้คำสื่อสารที่ให้ดูอ่อนโยน เพราะส่วนลึกสัมผัสได้ว่า วิถีแต่ก่อนสอนให้เราเกื้อกูล เอ..ผมนั่งถวิลหาอดีตอีกแล้วสินี่ เฒ่าคักๆผมหนิ

ขอบคุณภาพสวยๆไปด้วยครับ นึกถึงตอนเป็นเด็กเลยภาพนี้

บทผญา@อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น