Powered By Blogger

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สำรวจโคก..ตอน โคกโนนค้อ


" ทุกข์เพินบ่ว่าดี มีจั่งว่าพี่น้อง ลุงป้าค่อยว่าหลาน "


คำโบราณเพินว่าไว้ ได้ไขกล่าวแต่คราวหลัง
กะว่ายัง.เห็นจริง อิงค่าคำ..ดั่งนำซี้
ยามมั่งมีเขาดีด้วย ยามร่ำรวยเขาดีดั่ง
สนุกฟัง..เสียงย้อง ทั้งผองญาติมากหมู่มี ซั้นแหล๊ว

ยามทุกข์จนเขาซ้นลี้  หนีซบ.หลบคำจา
เฮาเป็นหมาโดยว่าพลัน ถืกเขาหยันมองเย้ย
คำเฉลยที่เคยอ้าง กะหมางเมินจนเกินกู่
เปรียบหมาหมูเป็นหมู่จ้อย คอยแต่ย้านสิผ่านเฮือน

โอน้อ คำว่าคน!มันวนเคลื่อน เหมือนคำเอ่ยดั่งเคยจา
กิเลสมาบังบด จนคดงอต่อใจซ้ำ
แสวงนำแต่คำอ้าง หลอยหาทางสิกินต่อ
ความดีเขาเซาเหลียวพ้อ นี่บ้อเจ้า.พวกเหล่าคน เอ๊ย

สำบายดีครับ ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจในคอลัมน์นี่ก่อนเนาะครับ บทความนี่เกิดขึ้นได้ย้อนทางอ้ายๆเอื้อยๆหัวหน้าทีมงานสำรวจโคกเพินเห็นพ้องต้องกันว่า อยากให้มีการนำเสนอผืนป่าโคกแต่ละหม่องแต่ละที่ ว่ายังมีหลายอยู่บ่ เลยยกยอเป็นคอลัมน์ มานำอ้างทางออนไลน์ครับ งานนี่อ้ายๆเพินกะโยนขวับมาให้ทางผมได้ลองนำเสนอก่อน หลังจากนั้นกะคงสิเป็นอ้ายๆเอื้อยๆเพินยกยอต่อยอดกันไป


        " โคกโนนค้อ "  เป็นผืนป่าที่ทอดยาวสุดสายตา ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านจาน ตำบลบ้านจาน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์  ในเส้นทางระหว่างบ้านจาน(ตำบลบ้านจาน)ทอดขนานไปถึงบ้านน้อยโนนสมบูรณ์(ตำบลหายโศก)ซึ่งกินพื้นยาวเกือบ4กิโลเมตรนั้น ในอดีตเป็นผืนที่ป่าสาธารณะขนาดใหญ่ ผู้คนใกล้ไกลได้พึ่งพิงอาศัย เนื่องจากยังห่างไกลความเจริญเส้นทางเดินก็คือถนนลูกรังครับ ถามที่มาของนามได้ความว่าเดิมทีมีต้นค้อใหญ่ใครผ่านมาผ่านไปได้ว่าเห็น แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยเข้าเช้า-เย็น ต้นค้อเลยกลายเป็นเช่นตำนาน(ผู้เฒ่าเก่าก่อนเพินว่าถืกเขาตัดสั่นแหล่วครับ)  สำหรับหมู่บ้านชุมชนที่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ก็มีบ้านจาน บ้านโนนสมบูรณ์รวมไปถึงบ้านดอนดู่(ตำบลบ้านจาน)



      เมื่อพูดถึงระบบนิเวศน์ของโคกโนนค้อ  ในอดีตที่ยังคงฝังอยู่ในรากลึกของความทรงจำย้อนหลังไปเมื่อสามสิบปีก่อน  ผืนโคกยังอุดมสมบูรณ์ครับ พืชท้องถิ่นหลากหลายพันธุ์ยังมีอยู่มาก รวมถึงแมง แมลง นก หนูหรือแม้แต่สัตว์ปีกจำพวกบ่าง อ้อลืมบอกไป แต่ก่อนมีจอนฟอน(พังพอน)อยู่มากโขเลยหล่ะ  ใครก็ตามที่เข้ามาใช้ประโยชน์แห่งนี้ย่อมก่อเกิดรอยยิ้ม เสียงจั๊กจั่นร้องก้องไพรเสียงนกร้องอยู่ไม่ไกลกล่อมหัวใจให้ครื้นเครง เมื่อหน้าฝนคนก็ชื่นมื่น ทั้งเห็ดทั้งแมงแคง ติ้วขาวติ้วแดงผลิยอดแซมถิ่นให้ผู้คนได้ถวิลยิลยลครับ  ต้องถือได้ว่าผืนป่าแห่งนี้คือหัวใจของชุมชน สร้างสุข สร้างรอยยิ้มรวมถึงสร้างกลิ่นฝน ผมจะสุขใจทุกครั้งเมื่อได้หันหน้าเข้าโคกคราหน้าฝน ก้มเก็บเห็ดไปด้วยเม็ดฝนก็ช่วยชะล้าง หยาดพิรุณฟากฟ้าหล่นลงผืนป่ากระทบใบตองซาดตองกุงเสียงดังอึงมี่ เหมือนดั่งวิถีมีมนต์ แมงแคงเกาะเกี่ยวเทียวหลบซบใต้ใบตองพร้อมกับพวกพ้องน้องพี่ ผมก็ได้แต่ยิ้มปรี่ชื่นฤดีตาม


 คุณตาเคยเล่าให้ผมฟังว่า แต่ก่อนผืนป่าจะเป็นผืนเดียวทอดยาว แต่เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านก็มีการจับจองและเริ่มทำกิน การไถ การบุกเบิก การตีกรอบรอบรั้วก็เกิดขึ้นครับ พื้นที่หลายแปลง(ส่วนมาก)ถูกออกโฉนดครอบครองได้เรียบร้อย แต่บางที่ก็ยังไม่สามารถออกได้เช่นกัน(ส่วนน้อย) แต่ก็ยังถือกรรมสิทธิ์ครอบครองทำกินได้ ณ ปัจจุบันพื้นที่ป่าโคกสาธารณะจริงๆนั้นมีอยู่ไม่ถึง30เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ภาพเก่าๆที่เคยเห็นกำลังจะกลายเป็นเช่นวันวานที่ไม่อาจหวนผ่านคืนได้แล้ว









เมื่อเวลาผ่านทุกอย่างก็ผันครับ  พื้นที่ในอดีตที่เคยเป็นผืนป่าโคก


วันนี้ผมเดินตามเส้นทางสายเก่าที่เคยผ่านเรื่องเล่าในอดีต  ทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สายทาง ทุกอย่างกำลังจะเลือนหายกลายเป็นอดีต ผมจดจำทุกอย่างพร้อมกับเก็บภาพไว้ถ่ายทอดเรื่องราว  สายตาสอดส่องอย่างคนเคยชินที่อยู่กับดินกินกับป่า











อ่า..ดูสิผมเจออะไรเข้าให้แล้ว  นี่คือขวยแมงจินูนแดงตัวใหญ่ที่เจ้าตัวซ่อนหลบซบไอดินอยู่ด้านล่าง  ภาพความทรงจำผันผ่านเข้ามา คุณย่าคุณยายสะพายตระกร้าบ้างว่าคอนเสียมเตรียมหาขุด อีกหนึ่งวิถีที่ชินตาครับ



  เดินไปได้ไม่ไกลเจอต้นอีรอกเข้าให้  ซึ่งตอนนี้ดูจะมีน้อยนักครับ แต่ก่อนก็มากพอดูมันมักจะอยู่คู่ผักสาบ(วันนี้ผมเดินหาผักสาบไม่เจอ)  ต้นอีรอกแกงกินได้ยินแต่คำว่าอร่อยครับ


แต่เผลอมาเจอ"ยอดเขียง"เข้า  กวาดสายตาโดยรอบยังพอมีครับ ยอดอ่อนลวกกินกับน้ำพริกแซบนักแล


ส่วนที่เห็นเยอะก็คือเจ้านี่ครับ ว่านอีอูบหรือว่านตูบหมูบ ถือเป็นยาสมุนไพรในท้องถิ่น













 ว่านอีอูบหรือว่านตูบหมูบ สมุนไพรแก้ความดันครับ เป็นยาขับลมด้วย  ลวกกินกับน้ำพริกกลิ่นหอมดีนัก
อีกหนึ่งที่พึงมีในผืนโคก


 ความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่ กลิ่นหอมอ่อนๆที่กล่อมคนห่างถิ่นให้ต้องมนต์


หมากตาไก้ ผลไม้ในความทรงจำของผม  เห็นอยู่สองต้นครับ พร้อมกับเดินผ่านต้นมะหาด ต้นบักดูกที่สูงชะลูด ผ่านมาหลายปียังคงมีอยู่ แม้จะหายไปบ้างแต่เค้าลางยังพอมีครับ


ขวยจิโป่มหรือจิ้งโกร่ง หนึ่งในความรู้สึกที่ยังตราตรึง



 ผืนป่าโคกให้ทุกสิ่งครับ ตั้งแต่พื้นดินจนถึงยอดฟ้า แต่ก็นึกแปลกจนแทบระอา ที่คนมองไม่เห็นค่าที่ว่าควร เฮ้อ...



เคลือส้มลม อีกหนึ่งสิ่งที่ยังนิ่งสงบ ผมเจอเยอะพอสมควร



มันกะแย้อยู่ ..........ภาพรูแย้ที่พอยังมีให้เห็นครับ  เมื่อถึงฤดูกาลก็ยังเห็นผ่านอยู่บ้างรวมไปถึงกะปอมกิ้งก่า  แต่ทว่าบ่างพังพอนต้องกลายเป็นบทละครที่เล่าขานครับ  หายสิ้นแทบไม่เหลือเนื่องจากผืนป่าถูกรุกคืบ จั่งซี้มันกะแย่อยู๊



ร่องรอยที่คอยอ้างครับ  ผมเจอเข้าโดยบังเอิญ ในอดีตโคกโนนค้อจะมีนกคุ่มอยู่มากรวมไปถึงนกอื่นๆ  เมื่อโคกห่างทุกอย่างก็จร


  ชื่อภาพ โคกไม่ทิ้งลายครับ  ทุกสิ่งยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอเหมือน ตอนนี้เห็ดเผาะก่อเกิด เราจะยังมีกินถ้าไม่ขบถกดให้สิ้นในถิ่นตน  มองเห็นค่าบ้างครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา




 เมื่อหันมามองย้อนดูความเป็นไป ถามว่าทำไมป่าใกล้หายสูญ เกิดจากอะไรหรือ ครับผมคำตอบง่ายๆก็คือเกิดจากน้ำมือมนุษย์เป็นผู้ฉุดกระชาก ความอยากถูกฝังรากลึกจนมองไม่เห็นความเป็นไปเพราะในหัวใจแฝงด้วยเส้นใยของกิเลส  มีอะไรบ้างหล่ะ..ไปดูกันครับ


เมื่อโคกป่าถูกนำพาให้เป็นผืนนา  เมื่อถามว่าผลผลิตให้ค่าตอบแทนมากไหม คนที่ไถคงรู้ดีครับ และผมเองก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเพราะไม่ใช่กรรมสิทธิ์  แค่หลอยไปเก็บภาพให้ตรองคิด เผื่อจะเห็นสักนิดแล้วคิดตาม



ภาพนี้มีเงื่อนงำ ฮ่า







นาตีนโคกครับ

















ตอกย้ำถึงการสูญสิ้น


โคกป่า ณ ปัจจุบันผันเปลี่ยนไปเยอะครับ


อีกหนึ่งปัจจัยหลัก กิเลสมักล่อลวง  ต้นไม้ในถิ่นสิ้นค่าเพราะป่ายูคานั่นเอง




เมื่อสิ้นป่าค่าก็สูญ


ป่ามันกลับเพิ่มพูนเท่าทวี


พื้นที่ป่าโคกที่ถูกบุกเบิกทำไร่มันครับ


และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือวันวินาศ  ไฟไหม้ครับ  ส่วนมากจะเกิดจากฝีมือมนุษย์นั่นเอง  ปีนี้เศร้านัก หนักหนาสาหัสยิ่ง  เกือบระบบนิเวศน์สูญสิ้น




ต้นไม้ส่วนมากยืนต้นตาย อนาจใจนักครับ



ผมเดินเก็บภาพไปพร้อมกับความรู้สึกที่บีบคั้น ใครกันนะที่เห็นแก่ตัวนัก สงสารต้นไม้และสงสารมนุษย์ผู้กำลังฉุดระบบวิถีถิ่นให้สิ้นลง











กว่าจะฟื้นคืนได้ก็คงใช้เวลานาน  สิ่งต่างๆที่เคยมีกลายเป็นเถ้าธุลีในบัดดล โอ้คนหนอคน



 สาธยายบอกเล่าเห็นแล้วก็เศร้าตามครับ  ถามว่าเมื่อผืนโคกสิ้นวิถีถิ่นเป็นเช่นไร  คำตอบในใจผมก็คือเกิดผลกระทบแน่นอนครับ  เมื่อมีแต่ทำลายก็คงเสื่อมสลายในบัดดล  ตัด-ไถ-ทำลาย เป็นการตัดสายใยวงจรตัดความเอื้ออาทรที่เคยมีในอดีต  ทุกสิ่งอย่างกำลังเข้าสู่วิถีใหม่ที่ใครต่อใครก็ไม่สน  ไม่สนใจกัน แข่งขัน แย่งชิง คุณธรรมห่างหายกลายค่าสู่คุณของเงินแทน  ใครมีเงินก็หาซื้อได้ ไม่แคร์ไม่สนสิ้นก็สิ้นไปสิ ตาสีตาสายายมียายมาจะเดินเข้าป่าดีไม่ดีอาจกลายเป็นว่าเข้ากรงแทน เมื่อไรกันหนอที่เราจะตื่นครับ อยากให้หวนกลับมาพลิกฟื้นผืนป่า คืนค่าให้ชุมชน สร้างผืนป่าเพื่อนำพาฟ้าและฝน เพื่อผองชนคนอย่างเรา

 ด้วยจิตคารวะ
 อีเกียแดง แห่งรัตติกาล

 ฝากภาพวิถีถิ่นจากทางบ้านผมไว้ให้ชมกันนำเด้อ
















































































































































































































































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น