Powered By Blogger

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

ผญาเตือนใจตน ให้หนีพ้นจากคนเถียง




พี่น้องเอ๋ย จาระไนไขแจ้ง ลงแซมใส่ในอักษร
เขียนเป็นกลอนภาษา ผญาลายพอหมายเอื้อน
หล่ะพอได้เตือนตนบ้าง แนวทางได๋ให้ฮู้ป่อง นี่แหล๊ว
ให้หมั่นซอมดอมเมี้ยน อย่าเถียงฮ้ายจนหน่ายซัง
ยามที่คิดเผลอพลั้ง ให้ฟังก่อนบ่อนมันผิด เด้อครับ
บ่แหม่นเถียงเสียงกลบมิด แหม่นผิดนำทำบ่ฮู้
สิเสียหมูโอ๊ะหมู่จ้อย พลอยเสียงานหล่ะการใหญ่
แหม่นอยู่ไสบรรลัยเมี้ยน หากเถียงอ้างหล่ะต่างแนว
ฮักคงถอนหล่ะคลอนแล้ว แนวบ่งดลดคำเถียง
แค่หวังเพียงชนะเขา แต่ใจเฮาเล่าดำด้าน
ถืกความพาลกุมเกี้ยว เหลียวไปไสหัวใจขุ่น
ดังขาดทุนบุญขาดค้ำ ให้นำพ้อหล่ะต่อภัย
โอน้อ ชนะตนวนแต่ได้ หัวใจก่อน้อทางสุข
เห็นสิ่งหมางในทางทุกข์ กะลุกวางหย่างหนีได้
ชนะใจในตนแล้ว มีแต่แนวหล่ะดีว่า
บ่หัวซาไผว่าเว้า เขาเถียงมากะว่าฮู้ ยุติไว้บ่ใส่ความ นี่แหล๊วครับ
......................................................................................
การเถียง..สำเนียงย่อมไม่รื่นหูครับ ผมดึงภาพที่ให้แง่คิดในชีวิตประจำวันเฮา พร้อมกับเว้าย้ำสลับก่ายเป็นลายกลอนครับ ผู้ลังคนผั่นว่าเถียงโล้ดแหล่วแนวข่อยบ่ผิด ฮ่า... อั่นนี่กะแหม่นครับ คันบ่เถียงบ่หัวซากะแล้วไปดอก คันในสังคมเฮายอมรับฟัง เว้ากันเรื่องเหตุผลคนมีคุณธรรมกะย่อมนำสู่สิ่งดีเนาะ ขอบคุณรูปภาพประกอบ
บทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
๕ กันยายน ๒๕๕๙

ผญาเศร้าเหงาหวาน 9 (โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล)




ชายเอ๊ย ข้าวฮวงทองก่องก้ม สามลมเหนี่ยวหล่ะเทียวไหว
ดั่งสายใยส่งถึง ตรึงสัญญาให้พาน้อม
ฉาบแสงทองละอองอ้าง ทางน้ำใสจับใบก่อ
ถืกสายลมโหมล่อ ต่อแสงจ้า..แหม่นว่างาม
โอน้อ ฝากลมวอยคอยพัดอ้าง ไปทางถิ่นเมืองหลวง
สัญญาทวงห่วงหา ผญาคำนำจาต้าน
ลืมอีสานบ้านนอก ลืมฮอดนาแล้วหว๋าพี่
ลืมสาวนาผู้นี่ หรืออ้ายมีใหม่ซ้อน บ่เห็นย้อนหล่ะต่าวเมือ
ชายเอ๊ย ฮักยังเหลือหล่ะเฟือล้น บนความห่างสายทางเหงา
ยังเห็นเงาคือเก่าหลัง ฝังอยู่ในหัวใจมั่น
แหม่นคืนวันสิผันย้าย ยังหมายคอยอ้ายต่าว
สิผ่านหนาวยาวเถิงฮ้อน บ่คลอนฮ้างทางฮักชาย แท้แหล๊ว
ภาพบทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
๖ กันยายน ๒๕๕๙




โอน้อ เกิดมาดำซ้ำฮ้าย ความจนก่ายจนมายหมอง
วิถีคองมองบ่เห็น เป็นดั่งกรรมที่นำน้าว
เขย่งซาวหน่าวยื้อ กะบ่คือทางเขาเพิน
ดั่งเงากรรมคอยนำเอิ้น ให้เดินเลี่ยงเบี่ยงวน
แหม่นเฮ็ดดีหนีบ่ม้ม มันจมดิ่ง..ปานลิงกัง แท้น้อ
ดึงไม้หันอ่วยลง กะติดกงดังคงเว้า
หย่างทางเหงาเซาทางฮ้าง บ่มีทางสิบืนต่อ
สายทางเทียวเหลียวบ่พ้อ ดั่งกรรมล่อ..ก่อนำ
โอยน้อ คือความจนวนตอกย้ำ หาเซ้าค่ำทุกข์นำเหลือ
อยากคือเมืออีสาน แต่ลูกหลานยังคอยจ้อ
คอยหยังน้อ?อ๋อ..คอยเงินเจ้า กะหวังเอากินจ่าย นั่นแหล๊ว
คันบ่ตายคงขายค้า หาเงินแลก..เหงื่อแฮง..ต่อไปแหล๊วครับ
..........................................................................
ต้นทุนชีวิตแต่ละคนบ่คือกัน บทบาทหน้าที่กะย่อมมีต่างกัน เป็นกำลังแฮงใจกับพี่น้องไทยอีสานผู้ทำงานไกลถิ่น ผญายินยกอ้าง..แปงส่างทางที่ควรเด้อครับ ขอบพระคุณภาพพี่ปิ่นลมไปนำครับ 
๓ กันยายน ๒๕๕๙



โอน้อ ฝากคำจาผญาต้าน ฝากเสียงผ่านลมไป
ฝากสายใยห่วงหา สัญญาคำนำถามท้วง
แหม่นอ้ายลวงหรือหลอก บอกน้องคอยจนหงอยเปลี่ยว..แท้น้อ
อ้ายบ่เทียวหล่ะเหลียวโค้ง หลงกรุงก้วงบ่ห่วงนา แท้แหล๊ว
ชายเอ๊ย สองขวบฝนจนแทบบ้า อ้ายลืมป่าหัวนาดอน
อ้ายไกลคอนตอนยามฝน ถิ่มคนคอยให้หงอยเพ้อ
หรืออ้ายเผลอลืมแล้ว ไปหลงแนวโก้ใหม่
สานสายใยไทกรุงก้วง บ่ห่วงแล้วแทวท่งงาม..น้ออ๊าย
ภาพและบทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙


พี่น้องเอ๋ย ฝนบ่มาหล่ะว่าแล้ง ข้าวแห้งเหี่ยวหล่ะเทียวเฉา
เหลียวหาเงาเค้าทางฝน กะจนใจในตอนนี่
ลำโขงชีมีน้ำน้อย มูลกะคอยฝนย้อยหลั่ง
อีสานยังบ่ชื่น ฟ้าครืนฮ้องบ่ฮ่อนยิน
ทางผืนป่าหล่ะว่าสิ้น ถืกกินรุกบุกฟันถาง แท้แหล๊ว
เหลียวเบิ่งทางถิ่นใด๋ หัวใจหงอยพลอยแต่กลุ้ม โอยเนาะ
ป่าบ่ซุมกลุ่มฝนก้อน กะตัดรอน..จรห่าง
สู่ป่าเขียวที่เทียวอ้าง ทางลาวพุ้นจั่งซุ่มงาม ว่าซั้น
โอยน้อ หากตรึกตรองมองเห็นบ้าง อีสานถิ่นคงยิลสม อยู่น้อ
ผืนดินคงความเขียว เหลียวไปไสคงใจชื่น
มาหวนคืนผืนดินเค้า เอาป่าฝนมาวนก่อ เด้อครับ
ให้น้ำพอน้อผ่านแล้ง ลบความหงอยที่คอยแกล้ง
....................แทนฮอยยิ้มที่อิ่มทรวง............ซั้นแหล๊ว
หลูโตนข้าวเนาะ เบิ่งทางได๋ไผกะว่าแต่ฝนบ่ตก ข้าวกะแห้งกะเหี่ยวเหมิดหล่ะ 
ภาพอิหล่าสาวภูธร
บทผญา @ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๙

ผญาเตือนใจตน บนเส้นทางแห่งมิตร





{ผญาเตือนใจตน บนเส้นทางแห่งมิตร}
เว้าเรื่องมิตร...หากว่าคิดตรองแล้ว มีหลายแนวมากหมู่
เป็นดังครูผู้เอื้อ เป็นดังเสือผู้ร้าย หมายสิย่ำให้ต่ำลง แท้แหล๊ว
.................................................................................
พี่น้องเอ๊ย คำว่ามิตร..หากแหม่นคิดคดโค้ง บ่ตรงต่อน้อกัน
ย่อมมีวันเสื่อมหาย กลายเป็นเมินจนเขินฮ้าง
เปรียบดังทางคดเคี้ยว หากเทียวนำคงช้ำหม่น
หย่างวกวนคือคนบ้า บ่เห็นฟ้าใหม่งาม
มีแต่ทรามบ่งามแท้ ใจแย่ป่วยความซวยจับ
คบมิตรผองตรองเด้อครับ อย่ามักนำคำโสอ้าง
มิตรทางพาลหวานคำล่อ ก่ออุบายหมายกินหมู่ พุ้นแหล๊ว
มักอวดตนให้คนฮู้ ว่ากูนี่มีค่าแฮง พุ้นหน่ะ
แต่เบื้องหลังนั่นคอยแกล้ง แทงหลังหมู่ซูยามเผลอ บ๊ะ!
ปากว่าเกลอใจเผลอซัง แต่หวังเพียง.กินร่วม
นอกกายสวมผ้านวมนุ่ม แต่ในกุม.ผ้าหม่น นี่แหล๊ว
แนวคบคนจั่งซี้ คงสิมีแต่สิ่งฮ้าย มาหมายม้างให้ห่างคุณ เนาะ
พี่น้องเอ๊ย คบมิตรดีบ่มีวุ่น บุญสิก่อหล่ะยอหนุน
เส้นทางบุญสิหนุนนำ กุศลธรรมสิหนุนเพิ่ม
มิตรดีเสริมคอยเติมซ้วน หากบ่ควรล้วนติก่อ
ลับหลังบ่เว้าพื้น ให้กลืนกล้ำต่ำค่าลง
โอน้อ ฮู้จักปลีกหลีกให้ม้ม อย่าจมจ่อน้อทางสูญ ซั้นเด้อ
มิตรได๋บุญคุณได๋เหมาะ ให้เคาะคลำหล่ำตรองบ้าง
เบิ่งสันดานทางในพุ้น คุณความดีเขามีบ่
มิตรสอพลออยู่เบาะนี่ มิตรที่ดีมีบ่นั่น สำคัญใคร่ใส่มโน แท้แหล๊ว
............................................................................
การเลือกคบมิตร ถือว่าเป็นนิมิตมงคลอันประเสริฐ เลือกเอาเถิดว่าเกิดแต่ดีหรือจะมีแต่เด่น จนเป็นภัย
ภาพและบทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
๗ กันยายน ๒๕๕๙