Powered By Blogger

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผญาเศร้าเหงาหวาน 1 (โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล)


กลอนผญาอกหักจากสาวอีสาน ๒๐ จังหวัด (ฉบับแก้ไขใหม่)

โอน้อ เป็นบุญตาได้มาพ้อ ละออนวลจนชวนพิศ
ปานถืกฤทธิ์ศรย้ำ ให้นำพ้อต่อยุพิน
เฝ้าถวิลจนฮักเจ้า เอาคำหวานผสานก่อ 
เจ้างามถ่อเทียมเท่า จนเผลอเว้าเล่ากล่าวนำ
โอยน้อ สาวน้ำมูลหุ่นสวยล้ำ งามขำอยู่เมืองหิน (บุรีรัมย์)
วิถียินไปไกล ผ้าไหมงามนามลือก้อง
อ้ายเคยปองหวังคองเจ้า แต่บุญเฮาบ่สมดั่ง
แก่นสัมพันธ์บ่ดันยู้ บุญซูซ้อนบ่ฮ่อนคง
โอยน้อ ถืกอนงค์นาถหล่า ผู้สาวส่าวงามขำ
สาวบุรีรัมย์ทำเสียศูนย์ จนหมุนเซหล่ะเป๋ล้ม
หัวใจซมได้ขมย้อน มาหลอนนำจนตำหล่วง
หล่ะพอปานดวงไฟฮ้อน มาแซมซ้อนอยู่หว่างใน
หลบพักใจสาวในบ้าน มาขานต่อน้อเมืองเกิน (ร้อยเอ็ด)
เห็นแล้วเพลินทางตา ผลานางนั่นเกินร้อย
แหม่นสิหลอยเทียวหยอก กรอกสำนวนบ้างชวนเที่ยว
บ่อาจเกี่ยวใจเจ้า เอามาอ้อนยามอ่อนแฮง
กาฬสินธุ์ได้ยินแจ้ง เคยแจงฮ่วมงามศรี (กาฬสินธุ์)
สาวผู้ดีนั่นมีหลาย เพินบ่หมายสิเคียงซ้อน
เคยสะออนสาวโก้ ทางยโสบ้านป่า (ยโสธร)
เจ้าบ่ซาบักอ้าย บ่หมายร่วมสิฮ่วมยิล
สาวสุรินทร์หอมกลิ่นแก้ม เคยแย้มต่อน้อคำจา (สุรินทร์)
แม่กานดาได้พาหวน เบิ่งขบวนงานหล่ะซ้าง
ย่างเคียงนางประสานเกี้ยว เผลอแป๊บเดียวกะเลี้ยวห่าง
เจ้าปล่อยวางให้ตางท้อ หัวใจหย่อจนฝ่อนำ
ดึงหัวใจไกลความช้ำ นำมาสู่อยู่เมืองศรีฯ (ศรีสะเกษ)
บุญบ่มีราศรีหมอง กะเลยจองแต่ความพ่าย
อุบลหมายเคยกลายเกี้ยว เทียวสัมพันธ์ขยันฮ่วม (อุบลราชธานี)
ได้แต่สวมสิทธิ์พ่าย แหม่นหมายเกี้ยวกะเทียวพัง
สาวมุกดากะพาช้ำ ถลำแล่นแหม่นทางโต (มุกดาหาร)
หนองคายโสไปคุย กะหลุยลงบ่คงพ้อ (หนองคาย)
ขอนแก่นนางเจ้าขานจ้อ พอมีใจผั่นไหลหล่อง (ขอนแก่น)
ไปหลงมองบ่าวโก้ โสถิ่มอ้าย โอ๊ยยย...หน่ายเด้
หลานย่าโมผู้โก้เท่ห์ เคยเป๋ใส่ในความเหงา (นครราชสีมา)
ชัยภูมิเอาคำหวาน มาหว่านลงให้คงช้ำ (ชัยภูมิ)
มีแต่คำลวงล่อ เจ้ายกยอแล้วล่อหลื่น
ตายทั้งยืนกลืนความแพ้ พอปานแย้ถืกแหย่คาง อั๊ยย๊ะ ฮิ้ววว
สาวบึงกาฬเคยว่าอ้าง ขอสานก่อตอฮอยใจ (บึงกาฬ)
เพินกะทำเฉไฉ แล้วหลื่นไหลหลบลี้
สารคามหนีหลบย้าย หลายทางเทียวเพินเกี้ยวแหว่ (มหาสารคาม)
เจ้าบ่สนน้อคนแพ้ กะเลยแย่ได้แค่ครวญ
หนองบัวลำภูเคยยู้ซ้วน กับนวลแม่งามตา (หนองบัวลำภู)
แต่ผลาบ่เทียมปอง ได้แค่มองหล่ะเพียงเจ้า
อำนาจเจริญเคยเอินเว้า อ้ายกะเซาย้านเจ้าว่า (อำนาจเจริญ)
ย้านคำจาสิพาพลั้ง กะเลยยั้งไว้เคิ่งทาง
นครพนมสมคำอ้าง บ่เคยห่างหล่ะทางจร (นครพนม)
สกลนครออนซอนใจ สาวภูไทได้ยิลย้อง (สกลนคร)
วิถีคองยังสวยล้น วิถีคนยังสวยอยู่
บ่อาจคู่เทียมเค้า ได้นำเว้าเหล่าแยง
สาวเมืองเลยกะเคยแกล้ง แถลงต่อน้อคาวมจริง (เลย)
น้ำตารินกินความหมอง บนฮอยกองที่นองช้ำ
สาวงามขำหวานคำอ้อน แหม่นอุดรก้อนคำพี่ (อุดรธานี)
หล่วงสามปีกะหนีจ้อย ถิ่มฮอยฮ้างไว้หว่างชาย โอ๊ยเนาะ
โอน้อ แหม่นสิหลบซบย้าย ไปหมายต่อน้อทางได๋
มันจุกในแต่ความขม มันระบมจนซมซ้อน
ถืกตัดรอนหลายบ่อนเค้า เขาเอาหมองสิจ้องยัด
จนกระอักความฮักพ่าย นอนหงายช้ำฮ่ำคนิง นี่แหล๊ว
บทผญา รุทธิ์  อีเกียแดง แห่งรัตติกาล




ผญา จีบสาวยางตลาด กาฬสินธุ์

โอน้อ อ้ายได้มาพบเจ้า ผู้สาวส่ากาฬสินธุ์
ใจถวิลคึดนำ แหม่นทำหยั๋งจั่งงามแท้
จนเผลอแลยืนจ้อง จนเผลอจองพ่องใจนึก
ใจเต้นตึ๊กยามนึกพ้อ ละออเจ้าสาวส่านาง
สาวเอ๊ย คือบุญนำหล่ะกรรมอ้าง ให้อ้ายหย่างหล่ะมาเจอ
ยามเจ้าเผลอมองเหลียว อ้ายเสียวในจนใจวุ่น
ย้านแต่บุญสิพาเลี้ยว สายเกลียวนำบ่ย้ำก่อ
ยางตลาดคะลาดพ้อ ละออเจ้าเล่าแหม่นงาม
อยากหลายเด้ อยากสิไปยามบ้าน อยากสานต่อก่อไมตรี
หรือว่ามีชายปอง จองสัญญาหล่ะว่าแล้ว
สิสนแนวไทบ้าน คือทางชายผู้กายก่ำ บ่น้อ
อ้ายคึดนำทุกค่ำเซ้า อยากจาเว้าเล่าทุกยาม แท้แหล๊วหล่า
บทผญา อีเกียแดง แห่งรัตติกาล






ผญาเหงาเคล้าสายลม


โอน่้อ ลมหนาววอยคอยพัดน้าว ให้หนาวหน่วงในใจ
ซายคนไกลหวนคนึง คิดถึงฮอยแต่กลอยเจ้า
คืนนี่ดาวเจ้าลาร้าง คืนนี่ทางเจ้าริบหรี่
ลมหนาวหวี่ไผ่สีล่อ เสียงอออ้อน..อ่อนนำ
โอยน้อ บ่าวหน้ามนคนใจช้ำ คึดอ่ำหล่ำหล่ะนำเห็น
ลมหนาวเย็นพัดวน คึดเห็นคนผู้ไกลเค้า
คนเคียงเงาเขาไกลบ้าน สัญญาจางเลยหมางหม่อ
สัญญายอไปต่อเค้า กับไผเล่าเจ้าจั่งลืม น้อหล่า
.............................................................
" อ้ายรุทธิ์จ๋า เอาหนูบ่จ้า "
ประโยคหวานพาให้งุนงง ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหันมองไปที่เจ้าของเสียง ใบหน้ายิ้มอิ่มเอมดูชื่น มองชายหนุ่มกลับดั่งเฝ้าคนรอคำตอบ
" เอ๋า คือว่าจั่งซั้น "
ชายหนุ่มถามกลับอักยิ้มเสย มองหน้าสาวเจ้าพลันนึกในใจ " เอาหล่ะเนาะ ถามคือ ต๊ะฮักกะด้อ แห่ะๆ "
" นี่แหมอ้าย หนูพุกโตบักใหญ่ อิหล่าข้างบ้านเอามาขาย สองโตสี่สิบบาท "
สาวเจ้าบอกพลางยิ้ม ยกจานให้ชายหนุ่มดูหนูตัวเขื่องที่ชำแหร่ะมาแล้วอย่างดี "
" โอยเนาะ "
เสียงชายหนุ่มทอดถอนหายใจ ความสงสัยหายเป็นปลิดทิ้ง งึดคนคัก หึย
" สี่สิบบาทว่าติ๊ มื้อแลงอ้ายสิพาไปไต้หนู ไปนำกันเนาะสั่นหน่ะ "
ชายหนุ่มบอก คึดฮอดความเป็นไป มื้อแลงสิได้กินหนูคักๆ แห่ะๆ

บทผญาเนื้อเรื่อง อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
ขอบพระคุณภาพประกอบไปนำครับผม






ผญาเศร้าเคล้าสายลม


โอน้อ สกุณาถลาล่อง แสงทองลับจับภูผา
ลมหนาวมาเมฆาไหล หัวใจวน..หม่นเม้า
คิดฮอดเงาผู้เขาฮ้าง คิดฮอดทางผู้เขาปล่อย
ยืนใจลอยคอยคิดซ้ำ จนเหงาย้ำให้ฮ่ำฮอน

ชายเอ๊ย ฝากลมหนาวหล่ะนำอ้อน ฝากกลอนเกี่ยวให้เทียวเถิง
อ้ายอยู่เวิงวังได๋ ให้คิดครวญน้อหวนเค้า
สาวคนเหงาเอาเสียงอ้าง อยู่ทางคอนหล่ะดอนถิ่น
ผญายินให้จื่อได้ อยู่ไกลใกล้ให้ต่าวมา แนเด้ออ้าย
..............................................................................

เสียงลมหนาวพัดหวิวแว่วผนึกกับแนวแห่งแสงสีทองที่คล้องเกี่ยวทาบยาวกับม่านขุนเขา สายตาคู่คมผสมด้วยแววเหงามองทอดยาวดั่งคนเหม่อ สองปีแล้วสิเออ ที่เผลอยืนซึม
" ผักแปลงนี่จั่งแหม่นงามเนาะแวว อ้ายว่างามย้อนอ้ายมาฮดซ่อยนี่หล่ะมั้ง แห่ะๆ "
เสียงชายหนุ่มพูดเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ มองหน้าสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอม นี่หน่ะหรือคือความรัก แม้น้ำต้มผักยังว่าหวาน
"เว้าเข้าข้างแต่เจ้าของเนาะอ้ายรุทธิ์ มันงามย้อนปุ๋ยขี้งัวดอก บ่แหม่นงามย้อนอ้าย หึยคนหนิเนาะ เว้าต๊ะซังคัก เตะเข้าแต่โกลด์เจ้าของเนาะ "
สาวเจ้าบอกพลางยิ้มขันมองหน้าชายหนุ่มพลางนึกหมั่นไส้
" บ่ว่าแหล่วเนาะ เบิ่งแนนั่น ผักแก่นขมกะจั่งแหม่นงามคักเด้อ อ้ายว่ามื้อแลงเฮาเก็บไปลวกกินกับป่นดีกว่า คือสิหวานจ๊วงๆ "
ชายหนุ่มบอกยิ้มร่า ทำหน้าเข้มแกมกะล่อนย้อนสาวเจ้าให้นึกขัน
" ผักแก่นขมบ้านอ้ายติหวาน หึย " สาวเจ้าแววตาแย้ง
" แหม่นสิขมปานได๋ คนหน้าหวานๆคือแววลวก มันกะหวานคือเก่านั่นหล่ะ "
ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ทำเอาสาวเจ้าหน้าแดงระเรื่อ
" แววเอ๊ย อ้ายว่าสิไปเฮ็ดงานต่างประเทศจักสองปีเด้อ อ้ายสิหาเงินกลับมาแต่งแวว สัญญากับอ้ายได้บ่ว่าสิถ่าอ้ายสิคอยอ้ายบ่ไปมักคนทางอื่น"
เป็นประโยคของชายหนุ่มที่สาวเจ้ายังจำได้ดี
แต่ วันนี้เธอยังรักษาสัญญาที่คงมั่น เฝ้ารอคอยการกลับมาของชายคนรัก สองปีแล้วสิหนาลมหนาวพาให้ลอยวน คราบน้ำตาของคนหม่นยังวนเวียนแทบเจียนตาย

บทผญาเนื้อเรื่อง อีเกียแดง แห่งรัตติกาล
ขอบคุณภาพงามๆไปนำครับผม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น